เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา สื่อของทางการเกาหลีเหนือได้เผยแพร่ภาพของสนามกีฬา ในกรุงเปียงยางที่อัดแน่นไปด้วยชาวเกาหลีเหนือ ทั้งวัยทำงานและนักเรียนราว 1 แสน 2 หมื่น เข้าร่วมชุมนุม เนื่องในวันครบรอบ 73 ปีของการเกิดสงครามเกาหลี ซึ่งตรงกับวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมาคำพูดจาก สล็อต777
ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ถือป้ายข้อความเพื่อส่งสารถึงสหรัฐฯ โดยบางป้ายมีข้อความเขียนว่า “แผ่นดินสหรัฐฯ อยู่ในระยะการยิงของเรา” และ “พวกจักรวรรดินิยมสหรัฐฯคือผู้ทำลายความสงบ”
สหรัฐฯ-เกาหลีใต้ซ้อมรบทางอากาศ รับมือภัยคุกคามเกาหลี
"เกาหลีเหนือ" อวดขีปนาวุธ ยิงได้ไกลข้ามทวีปมากสุด
นอกจากนี้ยังปรากฏภาพของกลุ่มผู้เข้าร่วมชุมนุมประท้วงยืนอยู่ด้านหน้าของเรือยูเอสเอส พวยโบล (USS Pueblo) ซึ่งเป็นเรือสอดแนมของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ถูกเกาหลีเหนือยึดเมื่อ 55 ปีก่อน
ทั้งนี้การชุมนุมเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่า เกาหลีเหนืออาจดำเนินการส่งดาวเทียมสอดแนมทางทหารดวงแรกขึ้นสู่วงโคจรอีกครั้งในเร็วๆ นี้ เพื่อจับตากิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ หลังความพยายามในการปล่อยดาวเทียมครั้งแรกที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมาประสบความล้มเหลว
นอกจากนี้สื่อทางการเกาหลีเหนือยังรายงานด้วยว่า เวลานี้เกาหลีเหนือมีอาวุธที่ทรงพลังที่สามารถลงโทษจักรวรรดินิยมสหรัฐฯ ได้ พร้อมย้ำว่า ผู้ที่ต้องการล้างแค้นสหรัฐฯ บนแผ่นดินเกาหลีเหนือได้แสดงความต้องการในการแก้แค้นสหรัฐฯ เช่นเดียวกันการออกมาแสดงความโกรธแค้นของชาวเกาหลีเหนือต่อสหรัฐฯ เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี
ทำไมเกาหลีเหนือถึงโกรธแค้นสหรัฐฯ ได้ถึงขนาดนี้ ย้อนกลับไปที่ต้นเหตุของความขัดแย้ง ในปี 1950 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพเกาหลีเหนือเปิดฉากโจมตีเกาหลีใต้แบบสายฟ้าแลบ โดยระยะเวลาเพียง 5 วันก็สามารถยึดกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้เอาไว้ได้
เวลานั้นกองทัพเกาหลีใต้กำลังอ่อนกำลัง ทำให้กองทัพสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหน่วยทหารต่างชาติที่อยู่ใกล้ที่สุดเวลานั้น ขอมติจากองค์การสหประชาชาติเพื่อส่งกองกำลังเข้าช่วยเหลือเกาหลีใต้
จากนั้นกองกำลังสหประชาชาติ ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ ตอบโต้กองทัพเกาหลีเหนือ และผลักเกาหลีเหนือถอยกลับไปหลังเส้นขนานที่ 38 ซึ่งเป็นพรมแดนสมมติ จากนั้นได้รุกไล่ข้ามเส้นขึ้นไปเรื่อยๆ จนกองทัพเกาหลีเหนือจนมุมที่พรมแดนทางตอนเหนือ
ทั้งนี้สงครามเกาหลีจบลง ที่จุดเริ่มต้นใกล้กับเส้นขนานที่ 38 โดยมีการลงนามสงบศึก เมื่อ 27 ก.ค. 1953 ซึ่งข้อตกลงสงบศึกคือให้ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังห่างจากเส้นขนานดังกล่าว 2 กิโลเมตร เพื่อตั้งเขตปลอดทหาร (DMZ) ซึ่งเป็นแนวชายแดนที่มีการป้องกันแน่นหนาที่สุดในโลก โดยมีทหารประจำการจากทั้งสองฝ่าย ฝั่งละประมาณ 1 ล้านนาย
แม้ว่าการลงนามสงบศึกในสงครามเกาหลีจะเสร็จสิ้นลงไปแล้ว แต่เกาหลีเหนือประณามสหรัฐฯ ที่ส่งกองกำลังประจำการ ในเกาหลีใต้มาโดยตลอด พร้อมชี้ว่า การกระทำของสหรัฐฯ ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันในคาบสมุทรเกาหลี
ขณะที่ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ได้ซ้อมรบกันบ่อยขึ้น สิ่งนี้ทำให้เกาหลีเหนือยิ่งไม่พอใจและวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯและเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังยิงทดสอบขีปนาวุธหลายต่อหลายครั้ง เพื่อตอบโต้การซ้อมรบระหว่างสองชาติพันธมิตร ท่ามกลางความตึงเครียดที่ขยายวงกว้าง โดยเมื่อ 13 เมษายนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงทดสอบ “ฮวาซอง-18” ขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ชนิดเชื้อเพลิงแข็งรุ่นใหม่ เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการโจมตีตอบโต้กลับด้วยอาวุธ
ขณะที่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดียุน ซอกยอนของเกาหลีใต้พบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ พร้อมเปิดเผยข้อตกลงฉบับใหม่ที่เรียกว่า ปฏิญญาวอชิงตัน
โดยปฏิญญาฉบับนี้ ได้อนุญาตให้เกาหลีใต้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการวางแผนฉุกเฉินของสหรัฐฯ มากขึ้น เพื่อยับยั้งและตอบโต้เหตุการณ์นิวเคลียร์ใดๆ ก็ตามที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาค
นอกเหนือจากการชุมนุมแสดงความโกรธแค้นของชาวเกาหลีเหนือต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว เกาหลีเหนือได้เผยแพร่รายงานซึ่งกล่าวหาว่าสหรัฐฯ จุดชนวนให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ โดยความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ได้จอดเทียบท่าเกาหลีใต้
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือเผยแพร่รายงานฉบับใหม่โดยรายงานฉบับนี้มีหัวข้อว่า สหรัฐฯ ผู้ยั่วยุให้เกิดสงครามที่แข็งกร้าวกับเกาหลีในศตวรรษที่ 20 และสหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้ก่อกวนหลักต่อสันติภาพและเสถียรภาพของคาบสมุทรเกาหลี ทั้งนี้ในรายงานฉบับดังกล่าว เกาหลีเหนือได้กล่าวหาสหรัฐฯ ว่าลวงโลกและบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสงครามเกาหลี
อีกทั้งยังกล่าวหาว่าสหรัฐฯ ได้พยายามจุดชนวนสงครามนิวเคลียร์ โดยการส่งสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์มาในภูมิภาค ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่าการทำเช่นนี้ถือเป็นการรุกรานเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตามเกาหลีเหนือระบุว่า เกาหลีเหนือเองก็ป้องปรามตนเองด้วยอาวุธนิวเคลียร์ที่ทรงพลัง เพื่อใช้ตอบโต้สหรัฐฯ ซึ่งเป็นภัยคุกคามและสร้างสมดุลในภูมิภาคแห่งนี้
ทั้งนี้รายงานของเกาหลีเหนือเกิดขึ้น หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เดินทางถึงท่าเรือในเมืองปูซานของเกาหลีใต้แล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 ปี ที่เรือดำน้ำที่จัดอยู่ในประเภท SSGN หรือเรือดำน้ำที่ติดขีปนาวุธร่อนของกองทัพเรือสหรัฐฯ จอดแวะเทียบท่าที่เกาหลีใต้
ซึ่งความเคลื่อนไหวของเรือดำน้ำของสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังจากที่เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูกนอกชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา และเกิดขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือปล่อยดาวเทียมสอดแนมแต่ล้มเหลว